เคล็ดลับง่ายๆ ในการปลูกไม้มงคลให้ขึ้นงาม

การปลูกต้นไม้ จะต้องศึกษาวิธีการปลูกและการดูแลรักษาอย่างดี

การปลูกต้นไม้ จะต้องศึกษาวิธีการปลูกและการดูแลรักษาอย่างดี

เคล็ดลับง่ายๆ ในการปลูกไม้มงคลให้ขึ้นงาม

วิธีการปลูก และดูแลรักษาอย่างไรดีต่อเรือน ดีต่อใจและผู้อาศัย

 

ความชอบและความน่าจะเป็นㆍสำหรับคนไทยแล้ว บางครั้งก็มักจะไปด้วยกันไม่ได้ เช่นกันกับการปลูกต้นไม้ หากความชอบมาเป็นที่หนึ่ง การปลูกไม้บางชนิดก็อาจจะไม่ช่วยส่งเสริมดวงชะตา รังแต่จะนำพามาซึ่งความเดือดร้อน และปวดหัว อีกหลายกรณี

ดังนั้นตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ หากจะปลูกต้นไม้สักต้นไว้ในบ้าน วิธีที่ดีที่สุดก็คือการศึกษาความเป็นไปได้ การศึกษาถึงลักษณะของต้นไม้นั้นๆ  รวมไปถึงการศึกษาวิธีการปลูกที่ถูกต้อง ซึ่งขั้นตอนการปลูก และการดูแลรักษาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอิงตามหลักธรรมชาติ เพราะไม่เช่นนั้น่ ต้นไม้ที่ปลูกอาจจะไม่ให้ผล ที่ดีที่สุด หรือลำต้นอาจจะไม่สมบูรณ์ตามลักษณะที่ควรจะเป็น ทีนี้ไม้ที่ไม่สวย ก็ดูไม่น่ามองเมื่อเติบโตอยู่ในบริเวณบ้าน จะตัดทิ้งเสียก็เสียดาย หรือจะปล่อยให้เลื้อยขึ้นไปก็รำคาญต่า ทางที่ดีศึกษาข้อมูลและลักษณะของไม้ที่จะนำมาปลูกก่อนเป็นดีที่สุด

ต้นไม้แต่ละชนิดมีลักษณะนิสัยสภาพความเป็นอยู่แต่กต่างกัน หากนำมาปลูกในที่ที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เจริญเติบโตช้าและแคระแกร็นได้ ต้นไม้ที่ชอบขึ้นอยู่ในที่ชื้น ภายใต้ร่มเงาไม้อื่นมาปลูกในที่ดินแห้งแล้ง โล่งแจ้งได้รับแสงแดดเต็มที่ ต้นไม้จะมีอาการผิดปกติ เจริญเติบโต ได้ไม่ดีและอาจตายได้

ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาพความเป็นอยู่ตามธรรมชาติของต้นไม้ที่ควรคำนึงถึงได้แก่ ลักษณะดิน สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ หลังจากได้ศึกษาเบื้องต้นแล้วคัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ จะทำให้ผู้ปลูกได้รับผลสำเร็จในการปลูกต้นไม้ชนิดนั้นได้ง่ายขึ้น การปลูกต้นไม้ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการปลูกให้ชัดเจนว่า ปลูกเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์อย่างไร ซึ่งตรงนี้ผู้ปลูกต้องตอบความต้องการในใจของตัวเองให้ได้ก่อนจึงจะลงมือปลูกไม้แต่ละต้นขึ้นมา

เมื่อผู้ปลูกตัดสินใจว่าจะปลูกต้นไม้ชนิดใดได้แล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องกระทำต่อไปคือ  การกำหนดพื้นที่เพื่อให้มีความเหมาะสมกับชนิดพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูก หากเลือกพื้นที่ปลูกไม่สอดคล้องกับชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูกจะทำให้ได้ ประโยชน์ไม่ตรงตามความต้องการ

ปัจจัยแรกเกี่ยวกับลักษณะของดิน  ผู้ปลูกควร พิจารณาสภาพของดินว่ามีความอุดมสมบูรณ์หรือลักษณะดินเป็นดินประเภทใด มีสภาพความเป็นกรดหรือเป็นด่างอย่างไร เป็นดินเหนี่ยว ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำได้ดีหรือไม่เพียงใด พื้นที่เป็นที่ราบลุ่มหรือ มีความลาดเอียง ใกล้ไกลแหล่งน้ำเหมาะสมกับพันธุ์ไม้ชนิดใด นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศ ประกอบอีกด้วย ประการต่อมาต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่จะปลูก ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ต้องให้มีความปลอดภัยกับต้นไม้ และประการสุดท้ายคือ การกำหนดระยะปลูก ผู้ปลูกจะต้องกำหนดระยะปลูกระหว่างต้นไม้ให้มีความเหมาะสมกับชนิดและขนาดของต้นไม้ที่จะปลูก

ลำดับต่อมาคือการเตรียมดิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการปลูกต้นไม้ และดินที่ดีหรือไม่ดีก็จะส่งผลถึงต้นไม้ที่ปลูกโดยตรงทีเดียว ดังนั้นเมื่อคิดจะปลูก เมื่อเตรียมดินและพื้นทีแล้ว ลำดับแรกต้องปรับพื้นที่ให้ได้ ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นร่ะเบียบเรียบร้อย ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน

ขั้นตอนการเตรียมพื้นที่ในการปลูกอย่างง่ายๆ ให้เริ่มที่การขุดหลุมสำหรับปลูกต้นไม้ ควรขุดหลุม ขนาด กว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 30 x 30 x 30 ซม. (กล้าไม้ถุงขนาด 4 x 6 นิ้ว หรือ 10 x 12 นิ้ว) ลักษณะของหลุมจะต้องขุดเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือวงกลมก็ได้ ส่วนดินที่ขุดขึ้นจากหลุมควรแยกหน้าดินกองไว้ทางหนึ่ง และดินชั้นล่างกองไว้อีกทางหนึ่ง

ดินที่ขุดขึ้นมาจากพื้นที่ดังกล่าว พยายามสับ บด ย่อยและตากไว้ให้ร่วนดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากนั้นเมื่อขุดเสร็จเรียบร้อยควรใส่ปุ้ยรองกันหลุมหนาประมาณ 10 - 20 ชม. โดยปุ้ยที่ใช้ดวรเป็นปุ๋ยคอก ปุ้ยหมัก หรือเศษไม้ใบหญ้าที่เริ่มผุสลายตัว ซึ่งในกรณีที่พื้นที่เตรียมการปลูกเป็นดินเหนียวจัด ควรเอาน้ำรดให้ชุ่มเสียก่อนเพื่อให้ขุดง่ายเบาแรงขึ้น ดินที่ขุดขึ้น ควรใช้ปูนขาว หรือสารเคมีปรับปรุงดินบางชนิดที่ไม่มีผลเสียกับหน้าดิน เช่น โดโรไมค์ ผสมกับทรายและปุ้ยคอก หรือปุ้ยหมักคลุกเคล้ากับเนื้อดินตากแดดทิ้งไว้นาน ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ รดน้ำเป็นระยะพร้อมกับพรวนดินตามสมควร จะทำให้ดินร่วนและดีขึ้น สำหรับพื้นที่ ที่ดินเป็นดินปนทรายมากการปรับปรุงดินจำเป็นต้องใส่ปูนขาวและปุยคอก เพื่อทำให้ดินจับเป็นก้อนแน่นอุ้มน้ำและมีอาหารพืชมากขึ้น

ต้นไม้ที่นำมาปลูกส่วนใหญ่มักจะบรรจุในถุงพลาสติกให้ใช้มีดกรีดถุงออก ควรระวังคือ อย่าให้รากของต้นไม้ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก เสร็จแล้ววางต้นไม้ลงในหลุมที่ขุดให้ระดับรอยต่อระหว่างลำต้น กับรากอยู่เสมอกับระดับขอบหลุม แล้วกลบหลุมด้วยดินผสมที่เตรียมไว้สำหรับปลูกหรือใช้ดินที่ขุดขึ้นจากหลุมที่เป็นดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยดี อย่าใช้ดินเหนียวที่แน่นหรือดินที่มีกรวดหินมากๆ กลบหลุม เพราะจะเป็นปัญหาทำให้รากต้นไม้เจริญเติบโตได้ไม่ดี

เมื่อกลบหลุมเสร็จแล้วใช้เท้าเหยียบดินให้แน่นพอประมาณ นำเศษใบไม้หญ้าหรือฟางมาคลุมรอบโคนต้น เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันการกัดเซาะของน้ำในขณะรดน้ำต้นไม้ หาไม้หลักซึ่งมีความสูงมากกว่าต้นไม้ที่ลงดิน พอประมาณมาปักข้างๆ ผูกเช็อกยึดกับต้นไม้อย่างหลวมๆ เพื่อช่วยในการทรงตัวของต้นไม้และป้องกันลมพัดโยก

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการปลูก ก็ให้รดน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวดิน และหากเป็นไปได้ควรรดน้ำวันละครั้ง จนต้นไม้ตั้งตัวได้ ถ้าต้องการทราบว่าได้รดน้ำเพียงพอแล้วหรือไม่ ให้ทดลองขุดดินดูว่าน้ำซึมลงไปถึง บริเวณรากต้นไม้หรือยัง ถ้ารดน้ำน้อยไปน้ำจะซึมลงไปไม่ถึงบริเวณรากต้นไม้

ส่วนการพรวนดินใส่ปุ๋ยและการกำจัดวัชพืชนั้น ควรมีการกำจัดโดยการถากถาง และพรวนดินรอบโคนต้นไม้ ในรัศมี 1 เมตร ปีละ 2 ครั้ง ในขณะพรวนดินถ้ามีปุ๋ย วิทยาศาสตร์จะโรยรอบๆ โคนต้นประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ แล้วรดน้ำหรือใส่ปุยคอกเพิ่มเติมก็ได้ จะเป็นการช่วยเร่งให้ต้นไม้จริญเติบโตดี

การตรวจดูแลต้นไม้และฉีดยาป้องกันกำจัดโรค และแมลง ตลอดจนระวังไฟ โดยปกติต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับมนุษย์ย่อมถูกแมลง โรค เห็ด 'รา รบกวนเป็นธรรมดา  การเจริญเติบโตของต้นไม้โดยธรรมชาติ มีความแข็งแรงพอสมควร สามารถต้านทานกับโรค แมลง และเห็ดราต่างๆ ได้ดีพอ หากผู้ปลูกช่วยบำรุงรักษาต้นไม้ ให้ถูกวิธี ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้รวดเร็วมีความสมบูรณ์ เพียงพอที่จะต่อต้านอันตรายจากสิ่งเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการหมั่นตรวจตราดูแลโรค แมลงที่เกิดกับต้นไม้ และใช้ยาฉีดกำจัดได้ทันเหตุการณ์ ซึ่งเคล็ดง่ายๆ เหล่านี้หากทำเป็นประจำ ต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านก็จะสามารถเจริญงอกงาม และป็นร่มไม้ให้ชายคาร่มเย็นได้ไม่น้อย

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียดต่อไป