ปาล์ม ไม้เศรษฐกิจ

ไม้ประดับตกแต่งที่ได้รับความนิยม และมักพบตามแหล่งท่องเที่ยว

ไม้ประดับตกแต่งที่ได้รับความนิยม และมักพบตามแหล่งท่องเที่ยว

ปาล์ม ไม้เศรษฐกิจ

ที่มา : อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ ภาควิชาจุล ชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

ในกลุ่มของไม้ประดับตกแต่งที่ได้รับความนิยม และมักจะพบเห็นในแหล่งท่องเที่ยว ตามโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ นั้น นอกจากลีลาวดีที่กำลังบูมสุดขีด มีเท่า ไหร่ขายหมด เพาะเท่าไหร่ ขายไม่พอนั้น ก็ยังมีปาล์มอีก ตัวหนึ่งที่แม้จะมีความนิยมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อ 5 - 6 ปี ที่แล้ว ปาล์มถือเป็นไม้ประดับที่บูมและสร้างกระแสฉุด ค่าตัวได้สูงอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งสมัยที่ปาล์มบูมๆ นั้น ว่ากันว่า มีราคาขายต้นละเป็นแสน ต้นขนาดกลางๆ ก็ขายกันอยู่ในราคาหลักหมื่น ที่ถูกๆ ลงมาหน่อย ราคาก็แตะที่ 5 - 8 พัน บาท ซึ่งคนที่ปลูกปาล์มเมื่อ 5 - 6 ปีก่อนถือว่าดวงขึ้นสุดๆ ก็ว่าได้ เพราะปลูกเท่าไหร่ก็ขายเกลี้ยง มีเท่าไหร่ก็ถูกเหมาซื้อหมด

แต่เมื่อกระแสปาล์มลดลง และถูกแทนที่ด้วยกระแสลีลาวดีฟีเวอร์ การปลูกปาล์มก็อาจจะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่สำหรับตลาดปาล์ม ก็ยังถือว่าไปได้แม้จะไม่หวือหวาน่าดูเหมือนเมื่อก่อน แต่สำหรับคนที่หลงใหลในเสน่ห์ของปาล์มก็ยังถือว่าปาล์มเป็นไม้ประดับที่น่าชื่นชมอยู่เสมอ

ในกลุ่มของปาล์ม มีด้วยกันหลายชนิด ทั้งที่ปลูกเพื่อประดับสวน และปลูกเพื่อผลทางการเกษตร ซึ่งในบ้านเรา การปลูกปาล์มเป็นที่รู้จักกันดีมานานหลายสิบปี แต่ในสมัยนั้นปาล์มที่รู้จักกันจะเป็นปาล์มที่เป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งจะพบมากในภาคใต้ พื้นที่ที่มี อากาศขึ้นแฉะ ซึ่งปาล์มมักจะเติบโตได้ดีในพื้นที่เช่นนั้น

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับปาล์มอีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้สนใจปลูกปาล์มเป็นอาชีพ หากให้แนะนำในช่วงนี้ การปลูกปาล์มน้ำมันถือว่าให้ผลดี และได้กำไรงาม ด้วยเพราะปาล์มเป็นพืชที่ให้ผลระยะยาว มีการเลี้ยงดูและรักษา ไม่ยุ่งยากนัก และยิ่งได้สภาพอากาศที่ดีและเหมาะสม ปาล์มจะสามารถเติบโตและดูแลตัวเองได้อย่างไม่ยุ่งยาก

ส่วนปาล์มที่จัดอยู่ในส่วนของไม้ประดับ แม้ตลาดปาล์มตอนนี้จะไม่ซบเซาอะไรมากมาย แต่การปลูกปาล์ม เพื่อเป็นไม้ประดับตกแต่งก็ยังถือว่าชะลออยู่ เพราะตลาด ยังไม่ฟูฟ่ามากมายนัก และอีกอย่างการปลูกปาล์มสำหรับขายต้นเพื่อเป็นไม้ประดับก็ยังต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 - 2 ปี กว่าที่จะขายต้นปาล์มออกไป ดังนั้น ระยะเวลาที่จะเก็บเกี่ยวปาล์มจากผลประโยชน์ที่ขายไป คงจะกินเวลาอยู่สักหน่อย

 

ปาล์มน้ำมัน : ลดทุน - เพิ่มผลผลิต 

ในความน่สนใจปาล์มที่รู้จักกันดี ซึ่งปาล์มนี้ถือเป็นไม้เศรษฐกิจของบ้านเราอีกอย่างหนึ่งที่ทำเงินเข้าประเทศมหาศาล ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีระยะเวลาการเก็บกินได้นาน เรียกว่าปลูกปาล์มน้ำมันครั้งหนึ่งก็สามารถเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์ได้ระยะยาวเป็นสิบปี

ปาล์มน้ำมันเป็นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกกันมาทางภาคใต้ และเห็นบ้างประปรายทางภาคตะวันออก ซึ่งมีอากาศขึ้น แฉะ ภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมใกล้เคียง เหมาะเป็นอย่างยิ่งในการปลูกปาล์มน้ำมัน

และในครั้งนี้ได้มีโอกาสไปอ่านเจอบทความหนึ่งซึ่งน่าสนใจ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปลูกปาล์มน้ำมัน การดูและรักษา รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากการปลูกปาล์มน้ำมัน เลยขอนำรายลเอียดมาฝากกันแต่พอสังเขป

ที่สวนปาล์มของลุงผุด ศรีเพชรพูล บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 6 ต่.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 84130 ปลูกปาล์ม 2 แปลง 50 ไร่กับ 17 ไร่เศษ ผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะสวนปาล์มทั้งสองแปลงเป็นนาร้างหรือนาดอน ดินเป็นดินแข็งใช้ไถผาน 7 ก็ลงได้แค่ 25 ชม. ใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลักแต่ผลผลิตต่ำมาก ลองใช้ปุ้ยมาหลายสูตรตามที่มีใครบอกว่าดีก็ลองมาหมด แต่ก็ยังได้ ผลผลิตน้อยแต่ต้องเสี่ยงต้นทุนสูงอยู่ ในที่สุดก็ให้ชมรม ถ่ายทอดที่พูนพินผสมปุ้ยละลายช้ไปลองใช้ดู 17 ไร่ก่อน การผสมปุ้ยทำบนพื้นซีเมนต์หรือพื้นดินแข็ง จะทำให้เป็นสูตรใกล้เคียงกับ 12 - 4 - 40 ใช้เนื้อปุยดังนี้ ใช้ ยูเรีย 46 - 0 - 0 จำนวน 100 กก. แอมโมเนียมซัลเฟต 140 กก. ใช้ 20 - 20 - 0 จำนวน 50 กก., ปุ่ย 0 - 20 - 0 จำนวน 40 กก.. ใช้ 0 - 0 - 60 หรือโปแตสเซียมคลอไรด์ 670 กก. และภูไมท์ซัลเฟต 200 กก. เทปุ้ยที่ใช้มากลงก่อนตามด้วย

ปุ๋ยที่น้อยกว่าและสลับภูไมท์ซัลเฟตไปด้วย เมื่อเคล้าปุ๋ย หนึ่งครั้งแล้วเติมธาตุอาหารรอง คือ แคลเซียม 15 กก. แมกนีเซียม 15 กก, โบรอนพืช 3 กก. คลุกเคล้าอีก 3 ครั้ง นำไปหว่านให้ต้นปาล์มต้นละ 2.5 กก. เว้น 4 เดือน ใส่อีกครั้งตามสูตรเดิม ผลที่ได้รับคือปาล์มแปลงนี้ของลุงผุดออกทะลายซ้อนกันถึง 3 ชั้น ผลผลิตเดิมรอบหนึ่ง ได้ 3,000 - 5,500 กก. เมื่อใช้ปุยเคมีผสมผสมภูไมท์ซัลเฟต ผลผลิตเพิ่มขึ้น กลายเป็น 7,000 - 8,000 กก. ทั้งๆ ที่การผสมปุ๋ยใช้เองแบบนี้ลดต้นทุนของปุยลงได้กระสอบละ 50 บาท การใช้ภูไมท์ซัลเฟตเป็นส่วนผสมให้เป็นปุยละลายช้า ช่วยลดการสูญเปล่าจากเวลาฝนตก เพราะปุ้ยเคมีทั่วไป เวลาฝนตกปุ้ยละลายออกมาหมดแล้วไปกับน้ำที่ละลายปุ๊ยออกมา ต่อไปกะว่าจะใช้สารละลายดินดานด้วย

พันธุ์ปาล์ม

ต้นทุนการผลิตปาล์มของไทยค่อนข้างสูงกว่าต่าง ประเทศเกิดจากสาเหตุสำคัญ หนึ่งคือ ปาล์มของไทยเป็น ปาล์มที่พันธุ์ไม่ดีนัก พันธุ์ดีมีปลูกบ้างก็ยังน้อย ส่วนใหญ่ไม่ถึงระดับสุดยอด พันธุ์ที่เยี่ยมจริงๆ ระดับสุดยอดของมาเลเชียนั้น ไทยพึ่งจะมีการนำเข้ามาทั้งของราชการและเอกชน

ปาล์มพันธุ์ดียุคแรกๆ ของไทยนำเข้ามาโดยเอกชน ปลูกเป็นแปลงใหญ่ๆ เมื่อมีผลผลิตดีก็ขยายพันธุ์กระจาย การปลูกโดยนำเมล็ดไปเพาะเป็นต้นกล้า ยุคที่ใช้เป็นปาล์ม พันธุ์แบบคัดเลือกต้นดีนั้น พัฒนาจนผลผลิตไม่สามารถสูง ขึ้นไปได้อีกแล้ว ก็เริ่มยุคพันธ์ลูกผสม มีการคัดพันธุ์ปาล์ม ระดับปูย่าใช้ผลิตต้นพ่อพันธุ์ คัดต้นระดับตา-ยาย ใช้ผลิตต้นแม่ เพื่อผลิตลูกผสมที่ให้ผลผลิตสูง ผู้เพาะกล้าจะต้องใช้เมล็ดปาล์มจากชุดต้นพ่อ-แม่เท่านั้น จึงจะให้ปาล์มพันธุ์ดี เหตุนี้เองจึงทำให้พันธุ์ปาล์มมีราคาสูงจูงใจซื้อเมล็ดปาล์ม จากต่างประเทศมาเพาะขาย แต่ราคายังแพงอยู่และมีไม่พอ กับความต้องการ มีการปลอมพันธุ์ขาย คนปลูกกว่าจะรู้ตัว ก็ล่วงเลยเวลาไปกว่า 3 ปี กว่าจะคิดกลับตัวทันก็หมดตัวเสียก่อน

รัฐควรผลิตปาล์มพันธุ์ดีขายแก่เกษตรกร หรือออกตรวจแปลงเพาะกล้าปาล์มของเอกชน ถ้าประชาชนมีความต้องการมาก ควรจัดลำดับจองกล้าปาล์มและขอให้รอการโค่นสวนเก่าออกไปก่อน จนกว่ามีกำหนดสามารถซื้อพันธุ์กล้า พันธุ์ดีแน่นอนแล้ว การตรวจพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ปาล์มเอกชน การรับรองพันธุ์ ก็ช่วยให้ปลูกแต่พันธ์ดีได้ ส่วนพันธุ์เดิมที่ปลูกอยู่เดิมก็ปรับปรุงปัจจัยต่างๆ ที่ปลูกเพื่อให้ผลผลิตสูงขึ้น


ที่มา : อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ ภาควิชาจุล ชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

สาระน่ารู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน

ปาล์มน้ำมันแสดงอาการขาดธาตุอาหารให้เห็น แสดงว่าการขาดธาตุอาหารอยู่ในขั้นค่อน ข้างรุนแรง ผลผลิตได้ลดลงแล้ว อาหารขาดธาตุ N, k, Mg และ โบรอน (B) สามารถ สังเกตเห็นลักษณะผิดปกติได้ชัดเจน แต่อาการขาด pไม่สามารถสังเกต  เห็นชัดเจน อาการขาด ธาตุอาหารที่สำคัญมีดังนี้

  • ขาด N ใบมีสีเหลืองซีดเกิดที่ทางใบก่อนโดยเฉพาะทางใบล่าง ใบมีขนาดเล็กลง ขาดรุนแรงทางใบมีสีเหลือง
  • ขาด P ปาล์มน้ำมันจะชะงักการเจริญเติบโตทางใบสั้น พืชอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงเช่น หญ้าคามีใบสีม่วงวัชพืชแคระแกร็น หรือ พืชคลุมมีใบเล็กผิดปกติ การเจริญเติบโตลดลง
  • ขาด K แสดงอาการจุดประสีส้ม ถ้าอาการรุนแรง พบเนื้อเยื่อตายบริเวณจุดสีส้มปลายใบ และขอบใบแห้ง
  • ขาด Mg ใบแก่แสดงอาการสีเหลืองอมส้ม สังเกต เห็นชัดเจนเมื่อถูกแสงแดดโดยตรง
  • ขาด Cu ใบสีเขียวซีด มีสีเหลืองตรงปลายใบย่อยและอาจแห้งตาย มักพบในทางใบอ่อน
  • ขาด B แสดงอาการใบหยิก ใบผิดรูปร่าง สีเขียวเข้มเปราะ บางครั้งเห็นเป็นรูปตะขอ ปลายทางใบเป็นรูปทรงกลม ยอดด้วน ใบเล็ก หรือใบมีแนวโปร่งแสง
  • อาการแถบใบขาว (white strip) ลักษณะเป็นแถบขาวตามความยาวใบย่อย เกิดเนื่องจาก N : K ในใบ มากกว่า 2.5 เช่น N>2.5% และ K<1% บางครั้งเกี่ยวกับการขาดธาตุ B ด้วย


การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อปาล์มน้ำมัน แสดงอาการขาดธาตุอาหาร

  • ขาด N ใส่ยูเรีย 0.5-1.6 กก./ต้น/ปี หรือ ใส่ แอมโมเนียมซัลเฟต 1-2 กก./ต้น/ปี สำหรับปาล์มอายุ 2-3 ปี และใส่ยูเรีย2.1-3.3 กก./ต้น/ปี หรือ แอมโมเนียมซัลเฟต 3-4 กก./ต้น/ปี สำหรับปาล์มอายุ 5-10 ปี และควรระวังไม่ ให้ปริมาณ N:P ในใบมากกว่า 20:1 เพราะจะทำให้เกิดการไม่สมดุลของธาตุอาหารได้
  • ขาด P ใส่ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต หรือ ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต หรือ หินฟอสเฟตคุณภาพดี 1.5 - 2.0 กก./ต้น/ปี
  • ขาด K ใส่โพแทสเซียมคลอไรด์ 3.0-4.0 กก.
  • ขาด Mg ใส่คีเชอไรด์ (Kieserite) (27%MgO ,23% S) 1.5-2.0กก./ต้น/ปี
  • ขาด Cu ใส่ CuSO 25-50 กรัม/ต้น/ปี
  • ขาด B ใส่โบแรกซ์ 10-20 กรัม/ต้น/ปี เมื่ออายุปาล์มน้ำมัน 2-3 ปี และ 30-40 กรัม/ต้น/ปี สำหรับ ปาล์มอายุ 4 ปี ขึ้นไป หรือใส่โซเดียม โบเรต (Sodium borate) 0.1-0.2 กก./ต้น/ปี
  • อาการแถบใบขาว แก้ไขโดยใส่ KCI 2.5-4 กก. ต้น/ปี โดยลดการใส่ปุ้ย N ลงและให้ตรวจสอบผลการ วิเคราะห์ใบอย่างต่อเนื่องทุก '6 เดือน และปรับการใส่ปุ๋ย N และ K ให้เหมาะสมต่อไป

เหล่านี้คือประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ จากปาล์มน้ำมัน ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์เพื่อต่อยอดในเชิงความรู้ สำหรับผู้ที่คิดจะปลูกปาล์มเพื่อเป็นอาชีพ ซึ่งขอย้ำเลยว่า การปลูกปาล์มเป็นอาชีพ ดีแน่ไม่มีตก และหากโอกาสหน้ามี ก็คงจะมากล่าวถึงรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ของปาล์มเพิ่มเติม
 

ระบบจัดการเนื้อหา,ระบบการตลาดดิจิทัล,เสริมประสิทธิภาพธุรกิจ,ปัจจัยที่มีผลต่อการจัดทำโฆษณา